เรื่องเล่าหลอนวันนี้จะขอเล่าเรื่อง “ผีทั้งกลม” โดยเมื่อประมาณปี 2535 ตลาดกะเปอร์ยังไม่เจริญเท่าไรมีร้านรวงไม่กี่บ้านก็คือนับจำนวนได้ แต่สถานที่ราชการมีครบถ้วนซึ่งประกอบไปด้วยสถานีตำรวจที่ว่าการอำเภอโรงพยาบาลประจำอำนาจโรงเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงชั้นมัธยมด้านการประกอบอาชีพก็ต้องแยกออกตาม แต่สถานที่จะอำนวยที่อยู่ติดกับตลาดสักหน่อยก็ค้าขายตรงกันข้ามกับตลาดกะเปอร์จะเป็นสถานีตำรวจด้านข้างสถานีตำรวจจะมีถนนสายเล็กๆ ทะลุออกไปถึงตำบลบ้านนาซึ่งชาวบ้านประกอบอาชีพเกษตรกรรมสวนยางพาราปลูกข่า ตะไคร้ สวนผลไม้ก็มีบ้างประปราย มีส่วนน้อยเท่านั้นที่หาซองป่าออกมาขาย จากถนนเส้นเล็กก็คือถนนเส้นจากจังหวัดระนองไปจังหวัดพังงาถ้าหันหลังให้กันตลาดกะเปอร์ก็จะผ่านวัดกะเปอร์ซึ่งขึ้นชื่อลือชาในเรื่องผีสางอยู่บ้างพอสมควรแต่ไม่ถึงกับมากมาย มีพระภิกษุรูปหนึ่งซึ่งบังเอิญพบกันบนรถประจำทางท่านได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่าสมัยท่านอุปสมบทอยู่ที่วัดกะเปอร์และเพิ่งจะอุปสมบทใหม่ๆ ท่านได้นั่งสนทนาธรรมอยู่ โดยมีพระภิกษุด้วยกันประมาณ 3 ทุ่มเศษท่านได้เดินผ่านศาลาโรงธรรมและได้เห็นเงาของคนประมาณ 3-4 คนกำลังปัดกวาดศาลาธรรมอย่างขยันขันแข็งท่านจึงถามไปว่า “โยมมาทำอะไรกันทำไมไม่เปิดไฟ” แต่ไม่ได้รับคำตอบกลับหายไปเฉยๆ ต่อมาวันรุ่งขึ้นก็มีศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลาธรรมเมื่อท่านได้นำเหตุการณ์ที่พบเห็นเมื่อคืนไปเล่าให้ท่านเจ้าอาวาสฟัง ท่านก็บอกว่าเพื่อนๆ เขากวาดบ้านต้อนรับสมาชิกใหม่
Category: เรื่องผี
เรื่องเล่าผีสุดหลอน “ตามมาจากป่าช้า”
เรื่องเล่าหลอน ตามมาจากป่าช้า แล้วกำหนดการฌาปนกิจของครูเพิ่ม ครูใหญ่โรงเรียนวัดบ้านไร่ก็มาถึงหลังจากเก็บศพมาครบ 100 วัน นับตั้งแต่วันที่ครูเพิ่มเสียชีวิตเพราะถูกคนร้ายบุกขึ้นปล้นที่บ้านของแก ศพของครูเพิ่มถูกนำมาตั้งสวดอีกครั้งก่อนที่จะทำการเผาตามประเพณี ซึ่งภายในงานก็ได้มีชาวบ้านและคุณครูในโรงเรียน ทุกคนต่างก็ช่วยงานกันอย่างเต็มอกเต็มใจเพราะครูเพิ่มผู้นี้เมื่อสมัยแกยังมีชีวิตอยู่แกได้สั่งสมความดีเอาไว้มากมายทำให้ทุกๆ คนภายในหมู่บ้านรักและเคารพแกอย่างมาก “พรุ่งนี้ครูจะไปร่วมงานเก็บกระดูกที่ป่าช้าไทยวัดด้วยหรือเปล่าครับ” สัปเหร่อถามครูซึ่งครูชื่อว่าครูมาราสอนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกับครูเพิ่มและยังเป็นหลานสาวแท้ๆ ของครูเพิ่มอีกด้วย ขณะที่นั่งอยู่ในกลุ่มครูโรงเรียนวัดบ้านไร่อีกหลายคน “ไปซิจ๊ะลุงครูในโรงเรียนคงไปกันทุกคนนั่นแหละ” “ดีแล้วครับไปกันหลายๆ คนวิญญาณครูเพิ่มแกจะได้ดีใจที่เห็นพวกเราอาลัยต่อการจากไปของแก ยังไงก็ขอให้มาพร้อมกันแต่เช้าหน่อยนะครับเจอกันที่วัดนี่แหละ” “ตกลงจรุงพรุ่งนี้พวกเราจะมากันแต่เช้าเลยเชียวขอบคุณลุงมาก” รุ่งเช้าหลังจากที่สัปเหร่อเก็บกระดูกของครูเพิ่มออกมาจากใต้เมรุไม่นานนัก กลุ่มครูหลายคนรวมทั้งครูมาราและครอบครัวครูเพิ่มก็ได้มารวมตัวกันที่วัด จากนั้นก็ออกเดินทางไปยังป่าช้าท้ายวัดเพื่อบรรจุกระดูกใส่โกศตามประเพณี ระหว่างที่ทำพิธีบรรจุกระดูกอยู่นั้นครูมาราได้เกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นมา ความรู้สึกที่ทำให้ครูสาวรู้สึกราวกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจ้องมองเธออยู่และหลังจากนั้นไม่นานนักเธอก็ได้รู้สึกเย็นวาบขึ้นที่สันหลังอย่างไม่มีสาเหตุ
เรื่องเล่าผีสุดหลอน “ศพเฮี้ยน”
เรื่องเล่าหลอน “ศพเฮี้ยน” เหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวครั้งนี้ มันเกิดขึ้นราวปี 2502 ขณะที่ผมเองยังเป็นเด็ก แต่ก็ได้รับรู้ถึงเรื่องราวแห่งความอาฆาตแค้นและแรงแห่งความพยาบาทครั้งนั้นได้ดี…สมัยนั้นผมติดคุณปู่ของผมมากจะไปไหนก็มักจะติดสอยห้อยตามไปด้วยทุกครั้ง เรียกได้ว่าเห็นปู่ที่ไหนจะต้องเห็นผมที่นั่นเลยก็ว่าได้และครั้งนี้ก็เช่นกัน ปู่บอกว่าจะเดินทางไปต่างจังหวัดร้อยเอ็ดสักสองสามวันผมก็เลยขอติดตามปู่ไปด้วย “เอ็งอยากจะไปก็ไป แต่ข้าบอกก่อนว่าที่นั่นน่ะมันกันดารไม่เหมือนที่บ้านเรา แต่ถ้าไปเอ็งก็ต้องหัดมีความอดทนหน่อย ไม่ใช่บทจะเบื่อขึ้นมาก็โยเยจะกลับท่าเดียว” ปู่บอกกับผมเหมือนเป็นการปรามเอาไว้ก่อน “ตกลงครับ รับรองว่าไม่เบี้ยวแน่” ผมรับปากอย่างแข็งขันเพราะกลัวปู่จะไม่ให้ไปด้วย จากนั้นเราสองคนปู่กับหลานจึงช่วยกันจัดเตรียมสัมภาระต่างๆ ลงย่าม ทั้งเสื้อผ้า สบู่ ยาสีฟัน กระทั่งทุกอย่างถูกเตรียมเป็นที่เรียบร้อยพร้อมสำหรับการเดินทางในวันพรุ่งนี้ ผมรู้ว่าปู่จะไปทำธุระครั้งนี้ด้วยเรื่องอะไรแต่ผมก็ไม่สนใจหรอกครับเพราะปู่ของผมเป็นคนเก่งแกมีวิชาอาคมมากมาย ดังนั้นทุกครั้งที่ไปไหนกับปู่ผมจึงสบายใจได้ทุกครั้ง
เรื่องเล่าหลอนจากทางบ้าน “เล่นกับผี”
เรื่องเล่าหลอน เล่นกับผี หากเอ่ยถึง “วัดบางนาใน” หลายคนคงจะคิดว่าอยู่แถวบางนาง สมุทรปราการ แต่เปล่าหรอกครับ วัดนี้อยู่ในเขตจังหวัดนนท์ฯ อยู่ลึกเข้าไปในสวน ซึ่งหากไม่ใช่คนพื้นที่ก็มักจะเข้าไปกันไม่ถูก เมื่อก่อนนั้น ว่ากันว่าวัดนี้เป็นวัดที่ผีดุมาก เนื่องจากอยู่ห่างจากหมู่บ้านหรือเขตชุมชนและเรื่องราวที่ผมจะนำมาเสนอต่อไปนี้ก็เกิดขึ้นในวัดแห่งนี้เองครับ ตอนนั้นอยู่ในช่วงประมาณปี พ.ศ. 2524 ขณะนั้นวัดยังไม่เจริญเท่าที่ควร หน้าวัดยังเป็นที่รกเต็มไปด้วยหญ้าและสิ่งปรักหักพัง ส่วนหลังวัดนั้นไม่ต้องพูดถึง โดยเฉพาะฮวงซุ้ยที่เก็บศพนั้นวางระเกะระกะกันเต็มไปหมด บางศพก็มีญาติ บางศพญาติก็ล้มหายตายจากกันไป เลยไม่มีใครคอยดูแลในช่วงระหว่างนั้นเองผมได้ไปเป็นเด็กวัดรับใช้พระเณรอยู่ภายในวัดแห่งนี้ กุฎิที่ผมอาศัยอยู่กับพระอาจารย์ของผม อยู่ใกล้กับที่เก็บศพ…เรื่องกลัวผีผมเองก็ไม่เคยน้อยหน้าใคร
เรื่องผีสุดขนหัวลุก “เพื่อนใหม่ผู้มาเยือน”
เพื่อนใหม่ผู้มาเยือน เรื่องมีอยู่ว่า..น้องกับเพื่อนๆได้นัดแนะกันไปเที่ยวชายหาดชะอำในระหว่างที่่โรงเรียนปิดภาคเรียนไปกันประมาณสิบกว่าคน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนสนิทกันทั้งนั้น โดยเราได้ไปเช่าบ้านพักตากอากาศหลังนึง บ้านหลังนี้อยู่ห่างทะเลไม่ถึงร้อยเมตรพอตกกลางคืนหลังจากที่ช่วยกันตระเตรียมข้าวปลาอาหารเรีบบร้อยแล้ว พวกน้องก็ออกไปนั่งเล่น ดื่มกัน ร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนานที่บริเวณหาดทรายไม่ไกลจากตัวบ้านพักเท่าไหร่นัก ขณะที่พวกเรากำลังสนุกสนานกันอยู่นั้น เพื่อนของน้องคนนึงชื่อ “ปอ” ซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างจากเพื่อนคนอื่น คือปอจะมีสัมผัสพิเศษที่เรียกว่าสัมผัสที่6 แล้วจู่ๆ ปอก็พูดออกมาว่าเธอรู้สึกสังหรณ์ใจว่าคืนนี้จะมีคนมาร่วมวงกับพวกเราด้วย ตอนแรกใครๆก็ไม่เชื่อ จนกระทั่งเวลาประมาณเกือบเที่ยงคืน ก็ปรากฏว่ามีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหากลุ่มของพวกเรา พร้อมกับกีตาร์ในมือและลักษณะท่าทางที่เป็นมิตร เขาแนะนำตัวเองว่าชื่อ “พล” พร้อมกับขอร่วมวงร่วมสนุกกับพวกเรา น้องกับเพื่อนๆ ซึ่งมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายเห็นท่าทางสุภาพประกอบกับเขามีอายุมากกว่าพวกน้องหลายปี จึงได้เชื้อเชิญให้พี่พลเข้ามาร่วมกับพวกเรา
เรื่องผีสุดหลอน “ผีโรงละคร”
เรื่องเล่าหลอน ผีโรงละคร ประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องลึกลับที่หนูกับเพื่อนๆเจอกันมานี้ เกิดขึ้นเมื่อตอนหนูเรียนอยู่ชั้น ม.5 ที่โรงเรียนประจำจังหวัดตอนนั้นทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมพิเศษขึ้น โดยจัดการแสดงละครของนักเรียนและได้เช่าสถานที่โรงละครแห่งหนึ่งสำหรับเป็นเวทีการแสดง ตอนช่วงซ้อมพวกหนูซ้อมกันที่หอประชุมของโรงเรียนแต่พอใกล้จะถึงวันเปิดทำการแสดงจริง ครูก็ให้หนูไปซ้อมใหญ่ที่โรงละครที่เราจะใช้เปิดทำการแสดงจริง และวันที่เราไปซ้อมใหญ่นี่แหละค่ะที่หนูได้พบกับสิ่งที่ต้องจดจำไปชั่วชีวิต บริเวณเวทีการแสดงของโรงละครแห่งนี้ก็คล้ายๆกับโรงละครทั่วๆไปคือเวทีใหญ่ประดับไฟแสงสีสวยงามมีม่านเป็นชั้นๆประมาณ 3ชั้น สามารถรูดเปิดปิดได้หากต้องการใช้เป็นฉากในการแสดงและหากเวลาที่รูดม่านเปิดทั้งหมดทั้งสามชั้นผ้าม่านจะถูกรูดเลื่อนไปรวมกันอยู่ด้านข้างเวที วันที่พวกหนูไปซ้อมกันนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้รูดม่านเปิดทั้งสามชั้นและขณะที่เรากำลังซ้อมละครกันอยู่ หนูได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งแต่งชุดนางละครครบเครื่องใบหน้าสวยหวาน เครื่องประดับประดาสวยงามมากกำลังยืนมองพวกหนูทำการซ้อมอยู่ริมเวทีโดยยืนอยู่ระหว่างผ้าม่านชั้นนอกและชั้นกลาง ตอนแรกหนูก็คิดว่าอาจเป็นพวกนักแสดงจากเวทีอื่นมาทำการซ้อมใหญ่ พร้อมกับแต่งตัวครบเครื่องเหมือนวันแสดงจริง เพราะที่โรงละครแห่งนี้มีอยู่หลายโรงในบริเวณเดียวกันมีทั้งโรงเล็กโรงใหญ่ส่วนของหนูนั้นเป็นเพียงโรงเล็กๆเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นยืนดูพวกหนูซ้อมกันอยู่นาน แต่ด้วยความที่ไม่ได้ใส่ใจอะไร หนูก็เลยไม่รู้ว่าเธอเดินออกไปตอนไหนพอช่วงพักหนูก็เลยถามเพื่อนๆ ว่ามีใครเห็นอย่างที่หนูเห็นบ้างหรือเปล่า ปรากฏว่าเพื่อนๆ
เรื่องเล่าผีสุดหลอน “เจอดีจนได้”
เรื่องเล่าหลอน เจอดีจนได้ ต้องบอกก่อนเลยนะครับว่าผมเป็นคนต่างจังหวัดแต่ได้มาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ และปิดเทอมคราวใดผมมักจะกลับบ้านทุกครั้ง แต่แปลกครับไม่ว่าผมจะไปนอนที่ไหนก็ตามแม้เป็นที่บ้านไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืนผมมักจะโดนผีอำอยู่บ่อยๆ ก็เล่นอำตลอดเวลาแบบนี้ เรียกว่าพอลมตัวลงนอนก็โดนผีอำทันทีเลยจนผมอดกลั้นต่อความรำคาญไม่ได้ ครั้งหนึ่งผมจึงพูดออกไปดังๆว่า “เล่นอำกันแบบนี้ชีวิตก็แย่สิว่ะ ถ้าแน่จริงก็ปรากฏตัวให้เห็นเลยจะดีกว่า มาแบบนี้ไม่ชอบโว้ยอย่างนี้มันเหมือนแกล้งกันนี่หว่า” ซึ่งตอนนั้นผมก็เผลอพูดออกไปตามอารมนั่นแหละ แม่ของผมได้ยินผมพูดอย่างนั้นก็ห้ามไว้ทุกครั้งว่าอย่าไปพูดแบบนั้น เพราะมันเหมือนไปท้าทายเขาสิ่งที่เรามองไม่เห็นตัวตน อย่าไปท้าทายเขาเลยแต่ผมไม่ยอมฟังแม่ปรามเลยเพราะตอนนั้นผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีว่ามีอยู่จริงสักเท่าไหร่ เหตุการณ์ที่ผมจะเล่านี้เกิดขึ้นที่บ้านของผมเองซึ่งคืนนั้นผมได้พูดท้าทายเขาไว้แต่แล้วเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นกับผมจริงๆ คืนนั้นผมเองก็นอนตามปกตินอนไปได้สักพักหนึ่งก็เคลิ้มใกล้จะหลับ แต่ก็ยังไม่ยอมหลับสักทีแล้วผมก็ได้ยินฝีเท้าของใครคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามา ผมตั้งใจเงี่ยหูฟังรู้สึกว่าฝีเท้าแต่ละก้าวนั้นมันช้ามาก แต่ตอนนั้นผมยังไม่ได้นึกอะไรจนในที่สุดฝีเท้านั้นเดินมาทางห้องของผม เดินวนเวียนไปมาอยู่หน้าประตูห้องของผม พอสงสัยขึ้นมาอย่างนี้ผมก็เลยชักไม่แน่ใจซะแล้ว เกิดความกลัวขึ้นมาจะลุกขึ้นนั่งเพราะกลัวว่าจะเป็นผีมาอำเหมือนเคย แต่ผมไม่ทันจะลุกขึ้นประตูห้องของผมก็ถูกเปิดออก วูบเดียวเท่านั้นมือของใครก็ไม่รู้ยื่นมาบีบคอผมจนหายใจไม่ออก