เรื่องเล่าหลอน เจอดีจนได้ ต้องบอกก่อนเลยนะครับว่าผมเป็นคนต่างจังหวัดแต่ได้มาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ และปิดเทอมคราวใดผมมักจะกลับบ้านทุกครั้ง แต่แปลกครับไม่ว่าผมจะไปนอนที่ไหนก็ตามแม้เป็นที่บ้านไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืนผมมักจะโดนผีอำอยู่บ่อยๆ ก็เล่นอำตลอดเวลาแบบนี้ เรียกว่าพอลมตัวลงนอนก็โดนผีอำทันทีเลยจนผมอดกลั้นต่อความรำคาญไม่ได้ ครั้งหนึ่งผมจึงพูดออกไปดังๆว่า
“เล่นอำกันแบบนี้ชีวิตก็แย่สิว่ะ ถ้าแน่จริงก็ปรากฏตัวให้เห็นเลยจะดีกว่า มาแบบนี้ไม่ชอบโว้ยอย่างนี้มันเหมือนแกล้งกันนี่หว่า”
ซึ่งตอนนั้นผมก็เผลอพูดออกไปตามอารมนั่นแหละ แม่ของผมได้ยินผมพูดอย่างนั้นก็ห้ามไว้ทุกครั้งว่าอย่าไปพูดแบบนั้น เพราะมันเหมือนไปท้าทายเขาสิ่งที่เรามองไม่เห็นตัวตน อย่าไปท้าทายเขาเลยแต่ผมไม่ยอมฟังแม่ปรามเลยเพราะตอนนั้นผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีว่ามีอยู่จริงสักเท่าไหร่ เหตุการณ์ที่ผมจะเล่านี้เกิดขึ้นที่บ้านของผมเองซึ่งคืนนั้นผมได้พูดท้าทายเขาไว้แต่แล้วเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นกับผมจริงๆ
คืนนั้นผมเองก็นอนตามปกตินอนไปได้สักพักหนึ่งก็เคลิ้มใกล้จะหลับ แต่ก็ยังไม่ยอมหลับสักทีแล้วผมก็ได้ยินฝีเท้าของใครคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามา ผมตั้งใจเงี่ยหูฟังรู้สึกว่าฝีเท้าแต่ละก้าวนั้นมันช้ามาก แต่ตอนนั้นผมยังไม่ได้นึกอะไรจนในที่สุดฝีเท้านั้นเดินมาทางห้องของผม เดินวนเวียนไปมาอยู่หน้าประตูห้องของผม พอสงสัยขึ้นมาอย่างนี้ผมก็เลยชักไม่แน่ใจซะแล้ว เกิดความกลัวขึ้นมาจะลุกขึ้นนั่งเพราะกลัวว่าจะเป็นผีมาอำเหมือนเคย แต่ผมไม่ทันจะลุกขึ้นประตูห้องของผมก็ถูกเปิดออก วูบเดียวเท่านั้นมือของใครก็ไม่รู้ยื่นมาบีบคอผมจนหายใจไม่ออก ตอนนั้นผมไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามองว่ามันเป็นใครหรือเป็นอะไร ผมพยายามตั้งสติคิดว่าผมคงจะโดนผีเล่นงานเสียแล้ว ผมจึงตัดสินใจลืมตาเพราะว่าอยากรู้เหมือนกันว่ามันเป็นอะไรกันแน่ เมื่อกลั้นใจลืมตาดูผมก็แทบช็อค
ตัวของมันใหญ่มากลอยชิดอยู่บนเพดานบ้าน มือของมันยาวมากพยายามเหยียดลงมาบีบเค้นลำคอของผมแต่ผมมองเห็นมันไม่ค่อยชัดนัก รู้แต่ว่ามันใส่ชุดสีขาวดูคล้ายๆกับชุดนอนและ ที่สำคัญก็คือเส้นผมมันยาวมากน่าจะเป็นผู้หญิงมากกว่าเป็นผู้ชาย ใบหน้ามองไม่เห็นอะไรเลยเหมือนกับความว่างเปล่าหรือจะเป็นเพราะว่าในห้องนั้นค่อนข้างมืดก็ได้ จึงมองไม่ค่อยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของมันแต่เหมือนกับว่าผีตนนั้นไม่ได้มาคนเดียวบริเวณข้างไตัวของผมมีเสียงเด็ก ผมตั้งสติได้นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ทุกองค์ที่รู้จักขอให้มาช่วย ผมท่องอยู่นานพอสมควรเลยทีเดียว
แล้วมือที่บีบคอก็ค่อยค่อยผ่อนคลายลงจนในที่สุดผมก็ลืมตาขึ้น มันก็หายไปแล้วตอนนั้นผมสั่นไปทั้งตัวเลยครับแล้วผมก็ลุกขึ้นไปเปิดประตูและร้องเรียกแม่ แม่ก็เดินมาถามที่ห้องว่าเรียกทำไมตอนนั้นผมยังพูดอะไรไม่ออกเพียงแต่บอกว่าขอให้ผมเข้าไปนอนในห้องด้วยคน เมื่อไปถึงห้องแล้วผมก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้แม่ฟัง แม่ตกใจมาก รีบยกมือไหว้ขอโทษขอโพยผีตนนั้นว่าอภัยให้ผมด้วย เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์อย่าได้ถือสาเลยสิ่งใดที่พูดไปแล้วล่วงเกินก็ขอให้ยกโทษให้แล้วกันไป แม่พูดไปก็ยกมือไหว้ไปด้วยแล้วแม่ก็หันมาพูดกับผมว่า บอกแล้วว่าอย่าไปพูดท้าทายเขาแล้วแม่ก็สั่งให้ผมยกมือไหว้ขอโทษเขา ผมก็ทำตามคืนนั้นผมไม่กล้าที่จะกลับไปนอนที่ห้องอีกเลยจนต้องขอนอนกับแม่ และเรื่องคืนนั้นก็ทำให้ผมเชื่อเรื่องภูตผีวิญญาณอย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆอีกเลย