เรื่องเล่าหลอน ตามมาจากป่าช้า แล้วกำหนดการฌาปนกิจของครูเพิ่ม ครูใหญ่โรงเรียนวัดบ้านไร่ก็มาถึงหลังจากเก็บศพมาครบ 100 วัน นับตั้งแต่วันที่ครูเพิ่มเสียชีวิตเพราะถูกคนร้ายบุกขึ้นปล้นที่บ้านของแก ศพของครูเพิ่มถูกนำมาตั้งสวดอีกครั้งก่อนที่จะทำการเผาตามประเพณี ซึ่งภายในงานก็ได้มีชาวบ้านและคุณครูในโรงเรียน ทุกคนต่างก็ช่วยงานกันอย่างเต็มอกเต็มใจเพราะครูเพิ่มผู้นี้เมื่อสมัยแกยังมีชีวิตอยู่แกได้สั่งสมความดีเอาไว้มากมายทำให้ทุกๆ คนภายในหมู่บ้านรักและเคารพแกอย่างมาก
“พรุ่งนี้ครูจะไปร่วมงานเก็บกระดูกที่ป่าช้าไทยวัดด้วยหรือเปล่าครับ”
สัปเหร่อถามครูซึ่งครูชื่อว่าครูมาราสอนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกับครูเพิ่มและยังเป็นหลานสาวแท้ๆ ของครูเพิ่มอีกด้วย ขณะที่นั่งอยู่ในกลุ่มครูโรงเรียนวัดบ้านไร่อีกหลายคน
“ไปซิจ๊ะลุงครูในโรงเรียนคงไปกันทุกคนนั่นแหละ”
“ดีแล้วครับไปกันหลายๆ คนวิญญาณครูเพิ่มแกจะได้ดีใจที่เห็นพวกเราอาลัยต่อการจากไปของแก ยังไงก็ขอให้มาพร้อมกันแต่เช้าหน่อยนะครับเจอกันที่วัดนี่แหละ”
“ตกลงจรุงพรุ่งนี้พวกเราจะมากันแต่เช้าเลยเชียวขอบคุณลุงมาก”
รุ่งเช้าหลังจากที่สัปเหร่อเก็บกระดูกของครูเพิ่มออกมาจากใต้เมรุไม่นานนัก กลุ่มครูหลายคนรวมทั้งครูมาราและครอบครัวครูเพิ่มก็ได้มารวมตัวกันที่วัด จากนั้นก็ออกเดินทางไปยังป่าช้าท้ายวัดเพื่อบรรจุกระดูกใส่โกศตามประเพณี ระหว่างที่ทำพิธีบรรจุกระดูกอยู่นั้นครูมาราได้เกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นมา ความรู้สึกที่ทำให้ครูสาวรู้สึกราวกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจ้องมองเธออยู่และหลังจากนั้นไม่นานนักเธอก็ได้รู้สึกเย็นวาบขึ้นที่สันหลังอย่างไม่มีสาเหตุ แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็หายไปในเวลาอันรวดเร็ว พิธีบรรจุกระดูกครูเพิ่มเสร็จสิ้นลงทุกคนต่างพากันเดินกลับไปยังบ้านของครูเพิ่มเพื่อไปช่วยงานบุญต่อ จวบจนกระทั่งตกเย็นของวันนั้นพิธีต่างๆก็ได้จบลงด้วยดีและทุกคนที่ไปช่วยงานก็ได้พากันขอตัวกลับบ้านของใครของมันเอาเมื่อตอนย่ำค่ำ ครูมารากลับถึงบ้านจากนั้นก็อาบน้ำอาบท่าก่อนที่จะจัดเตรียมอุปกรณ์การสอนต่างๆ ที่จะต้องใช้ภายในวันพรุ่งนี้ จนเสร็จเธอรู้สึกเหนื่อยจึงเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำและหลับลงอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่นานนักกระทั่ง รู้สึกตัวอีกครั้งหนึ่งเมื่อได้ยินเสียงของใครบางคนเรียกชื่อเธออย่างแผ่วเบาในระยะประชิดหู
“ตื่นเถอะมารา…ฉันมาหาเธอแล้ว”
เสียงนั้นแผ่วเบาราวกับกระซิบแต่มาราก็ได้ยินมันอย่างชัดเจนจึงตื่นขึ้นมาตามเสียงเรียกทันที
“ใครกัน…ใครมาเรียกฉัน”
ครูมาราถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ฉันอยู่นี่มารา ฉันตามเธอมา ฉันรักเธอตั้งแต่แรกเห็น เธอต้องไปอยู่กับฉันมารา เธอต้องเป็นของฉัน ไปอยู่ด้วยกันในที่ของฉัน”
ครูมาลามองตามเสียงที่ดังขึ้นมันเป็นเสียงของผู้ชายซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่เมื่อเธอมองไปยังที่มาของเสียงเธอก็ได้พบกับภาพของชายหนุ่มรูปงามซึ่งนั่งอยู่ตรงปลายเตียง ชายคนนั้นเอื้อมมืออันเย็นเยือกมาจับแขนครูมาราไว้แน่นแล้วพยายามที่จะฉุดให้เธอลุกขึ้น
“ไม่…ฉันไม่ไป…ฉันไม่รู้จักแก…แกจะมาเอาฉันไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“ได้ซิมารา…เธอต้องเชื่อฟังและอยู่ในพลังอำนาจของฉัน”
“ไม่…ช่วยด้วยยยย”
ครูมาราส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียงมันทำให้ผู้คนภายในบ้านตกใจตื่นขึ้นมาพร้อมพร้อมกัน จากนั้นทั้งพ่อและแม่รวมทั้งพี่ๆ ของครูมาลาก็มาเคาะประตูห้องเรียกด้วยความตกใจ
“มาราเอ๊ย…เอ็งเป็นอะไรไปหรือเปล่าเปิดประตูให้พ่อกับแม่หน่อย”
เสียงร้องเรียกของผู้คนในบ้านทำให้ชายนิรนามปล่อยมือครูมาราออก จากนั้นร่างของเขาก็ค่อยๆ เลือนหายไปต่อหน้าต่อตาของครูมารา
“แล้วฉันจะกลับมารับเธออีก…เธอหนีฉันไม่พ้นหรอกมารา”
เสียงนั้นดังขึ้นก่อนร่างชายนิรนามจะเลือนหายไป ปล่อยให้ครูมาราตกอยู่ในอาการตื่นตะลึงอยู่เพียงลำพัง ครูมาราหมดเรี่ยวแรงที่จะทำอะไรทั้งสิ้นแม้กระทั่งจะเดินไปเปิดประตูห้องให้พ่อกับแม่เข้ามาก็ตาม
“แกเป็นอะไรมารา…ทำไมไม่มาเปิดประตูให้แม่เร็วๆ”
“ไม่ได้การแล้วผมว่าพังประตูเข้าไปเลยดีกว่าครับแม่”
เสียงของแม่และพี่ชายครูมาราดังขึ้นจากนั้นไม่นานนัก ประตูห้องของครูมาลาก็ถูกพังออกโดยผู้คนหลายคนกรูกันเข้ามาด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรมาราบอกทีซิว่าเกิดอะไรขึ้น”
ครูมารานั่งอยู่ที่เตียงนอนของตัวเองในลักษณะของคนที่กำลังหวาดกลัวแบบสุดขีด ดวงตาเบิกกว้างริมฝีปากสั่นระริกด้วยอาการเกร็ง เธอพยายามขยับริมฝีปากที่จะพูดแต่ไม่สามารถทำได้จวบจนกระทั่งพ่อกับแม่ได้ช่วยกันปลอบขวัญอยู่พักหนึ่งอาการของครูมาราจึงค่อยๆดีขึ้น
“ผีผู้ชายแม่…ผีผู้ชายเขาจะมาเอาตัวหนูไป”
ครูมาราพูดออกมาเป็นครั้งแรก จากนั้นเธอก็ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟังอย่างละเอียดโดยไม่ลืมที่จะบอกว่าผีหรือวิญญาณของชายดังกล่าวได้บอกว่าจะกลับมาเอาตัวเธอไปให้ได้
“พ่อว่ามันชักจะยังไงๆ ชอบกลเอาอย่างนี้แล้วกันพรุ่งนี้เช้าไปปรึกษาพระอาจารย์ที่วัดดูขอให้ท่านช่วยนั่งทางในดูให้เผื่อจะรู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง”
ผู้เป็นพ่อของครูมาราพูดขึ้นด้วยความห่วงใย ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยดังนั้นในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้นครอบครัวของครูมาราจึงได้พากันไปที่วัด เพื่อขอให้พระอาจารย์ผู้ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสนั่งทางในดูว่าเรื่องราวประหลาดที่เกิดขึ้นกับครูมาราเกิดเพราะสาเหตุอะไร หลังจากได้เล่ารายละเอียดทั้งหมดให้พระอาจารย์ฟังแล้ว พระอาจารย์จึงทำการนั่งภาวนาสงบจิตเพื่อดูให้รู้ว่าทำไมดวงวิญญาณของชายนิรนามคนนี้จึงต้องการมารับครูมาราไปอยู่ด้วย พระอาจารย์ทำสมาธิสงบนิ่งอยู่นานจากนั้นก็ปรือตาขึ้นแล้วพูดกับทุกๆคนที่นั่งรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อว่า
“เขาเป็นวิญญาณที่สถิตอยู่ในป่าช้าวัดนี้มาเนิ่นนาน ยังไม่มีโอกาสไปผุดไปเกิดยังใช้กรรมไม่หมด เขาได้เห็นครูมาราเมื่อวันก่อนตอนที่ไปบรรจุกระดูกครูเพิ่มก็เกิดพึงพอใจขึ้นมา เลยติดตามมาจากป่าช้าเพื่อที่จะมาชักชวนให้ครูมาราไปอยู่ด้วย แต่ยังโชคดีที่ครูมาราได้ทำกรรมดีมามากจึงสามารถขัดขืนได้สำเร็จไม่อย่างนั้นป่านนี้ก็คงได้ไปอยู่กับเขาแล้ว”
พระอาจารย์กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“แล้วที่เค้าบอกว่าจะมาหาหนูอีก…แล้วคะหนูจะทำอย่างไรดีจึงจะพ้นอำนาจของเขาได้…หนูกลัวเขาเหลือเกินค่ะพระอาจารย์ มีหนทางแก้ไขหรือเปล่าคะ”
ครูมาราถามขึ้นด้วยสีหน้าตื่นกลัว
“อืม…ก็บอกแล้วว่าเขาจะมาทำอะไรโยมไม่ได้หรอก เพราะผลบุญคุ้มกันโยมอยู่ แต่เขาอาจจะตามมารบกวนให้เกิดความหวาดกลัวฉะนั้นอาตมาคิดว่าควรจะทำวิธีบางอย่างเพื่อผลักดันให้เขาอยู่ห่างๆ เอาอย่างนี้ครูไปเอารูปถ่ายเต็มตัวมาหนึ่งใบพร้อมเสื้อผ้าของครูอีกหนึ่งชุดและอาตมาจะทำพิธีไม่ให้เขาเข้ามารบกวนอีกต่อไป”
หลังจากที่ทราบดังนั้นครูมาลาจึงรีบไปจัดเตรียมสิ่งของตามที่พระอาจารย์ต้องการแล้วรีบนำกลับไปให้พระอาจารย์ซึ่งเมื่อพาจารได้สิ่งของตามที่ต้องการแล้วจึงเริ่มบริกรรมคาถาและทำพิธีเผารูปเสื้อผ้าเส้นผมของครูมาลาเพื่ออุทิศไปให้ดวงวิญญาณบาปนั้นพร้อมกับบอกให้ครูมาราทำการสะเดาะเคราะห์ให้กับตัวเองโดยการทำสังฆทานและทำบุญกรวดน้ำไปให้แก่วิญญาณทั้งหลายเพื่อเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง
นับจากนั้นเป็นต้นมาเรื่องราวแปลกประหลาดเกี่ยวกับวิญญาณที่ตามมาจากป่าช้าก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับครูมาลาครูแสนสวยของโรงเรียนวัดบ้านไร่อีกเลย
สามารถติดตามเรื่องหลอนขวนขนหัวลุกเพิ่มเติมได้ที่ : เรื่องเล่าหลอน